คำแนะนำเกี่ยวกับสัญญาอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์คำร้อง
- สัญญาอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์คำร้องนี้ มีลักษณะเป็นสัญญาตัวอย่าง (Model – Contract)เพื่อให้ผู้ที่ประสงค์จะขออนุญาตใช้ลิขสิทธิ์ในคำร้อง หรือเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานดังกล่าว ใช้เป็นแบบในการทำสัญญา
2. สัญญาอนุญาตนี้ได้จัดทำขึ้น เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถปฏิบัติให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เป็นต้น รวมทั้งแนวปฏิบัติในทางธุรกิจการค้าในปัจจุบัน
3. สัญญาอนุญาตนี้ เป็นผลงานของคณะทำงาน ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งจากภาครัฐบาลและภาคเอกชน ตลอดจนผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่าง ๆ จึงเป็นสัญญาที่เหมาะสมและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ทั้งเจ้าของลิขสิทธิ์ ผู้รับอนุญาต และสังคมโดยส่วนรวม
4. เพื่อประโยชน์ในการใช้สัญญาตัวอย่างดังกล่าว ควรอ่านคำแนะนำข้างล่างนี้
สัญญาข้อ 2
ข้อ 2.1 ให้กาเครื่องหมายในช่อง ตามเจตนาของคู่สัญญาในการอนุญาตให้ผลิตสื่อต่าง ๆ ซึ่งถ้าหากคู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทุจริต เช่น มีการกาเครื่องหมายในช่อง จ เพิ่มเติม ในภายหลังก็อาจตรวจสอบความถูกต้องได้ เนื่องจากการอนุญาตให้ผลิตสื่อตาม ข้อ 2.1 นี้จะมีความสัมพันธ์กับการกำหนดค่าตอบแทนในสัญญาข้อ 4
ใน ช่องสุดท้ายที่กำหนดว่า “อื่น ๆ ระบุ” นั้น ให้ระบุสื่ออื่น ๆ นอกเหนือจากที่ระบุไว้ ทั้งนี้ สื่ออื่น ๆ ดังกล่าวนั้น กำหนดไว้เพื่อรองรับสื่ออื่น ๆ ที่อาจจะมีในอนาคตด้วยสัญญาข้อ 3
ข้อ 3.1 กำหนดเวลา 3 ปีนั้น เป็นการกำหนดระยะเวลาเบื้องต้นเท่านั้น คู่สัญญาอาจตกลงกันกำหนดระยะเวลาให้สั้นหรือยาวกว่านั้นได้ตามเจตนาและความเหมาะสมสัญญาข้อ 4
ข้อ 4.1 ในกรณีที่คู่สัญญาตกลงทำสัญญาอนุญาตแบบไม่เด็ดขาด(nonexclu- sive license = คู่สัญญาอนุญาตให้บุคคลอื่นใช้ลิขสิทธิ์คำร้องได้อีก) หรือคู่สัญญาตกลงอนุญาตให้มีการผลิตสื่อหลายสื่อ คู่สัญญาอาจกำหนดค่าตอบแทนให้ต่ำกว่าที่ระบุในสัญญาตัวอย่างนี้ก็ได้ ซึ่งในสัญญานี้ได้กำหนดค่าตอบแทนไว้เป็นพื้นฐาน (basic fees) สื่อละ 5,000 บาท ต่อ 1 คำร้อง ต่อระยะเวลาการใช้ 1 ปี
ข้อ 4.2 อัตราค่าตอบแทนจากการจำหน่ายสื่อตลับ/แผ่น/ม้วนละ 10 สตางค์นั้น เป็นอัตรามาตรฐานที่กำหนดในสัญญานี้ แต่อย่างไรก็ดี คู่สัญญาอาจตกลงกันเลือกจ่ายค่าตอบแทนแบบอื่นก็ได้ เช่น แทนที่จะจ่ายตลับ/แผ่น/ม้วนละ 10 สตางค์ ผู้รับอนุญาตอาจจ่ายค่าตอบแทนเป็นเงินจำนวนหนึ่งซึ่งจ่ายจำนวนเดียว หรือจ่ายให้โดยคิดเป็นเปอร์เซ็นต์จากการจำหน่ายสื่อสำหรับส่วนที่เกินจำนวนที่ระบุไว้ก็ได้
—————————————————————-
สัญญาอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์คำร้อง
ทำที่…………………………………
วันที่….เดือน…………..พ.ศ………
สัญญานี้ทำขึ้นระหว่าง…………………………………………………………ที่อยู่เลขที่ …………………………………………………….ซึ่งต่อไปในสัญญานี้จะเรียกว่า “ผู้อนุญาต” ฝ่ายหนึ่ง กับ……………………………………..ที่อยู่เลขที่ ……………………………………………….. ซึ่งต่อไปในสัญญานี้ จะเรียกว่า “ผู้รับอนุญาต” อีกฝ่ายหนึ่ง
ทั้งสองฝ่ายตกลงทำสัญญากันดังมีข้อความต่อไปนี้
1. งานของผู้อนุญาต
ผู้อนุญาตเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์คำร้องชื่อ………………………………………………….. คำขึ้นต้นคำร้อง “……………………………………. ” ซึ่งปรากฎรายละเอียดของคำร้องตามที่แนบท้ายสัญญานี้
2. เงื่อนไขการอนุญาต
2.1 ผู้อนุญาตตกลงอนุญาต ให้ผู้รับอนุญาตมีสิทธิ แต่เพียงผู้เดียวในการใช้ลิขสิทธิ์คำร้อง เพื่อวัตถุประสงค์ในการผลิตสื่อดังต่อไปนี้
เทปคาสเซ็ท
คอมแพ็คดิสก์
เลเซอร์ดิสก์
มิวสิควิดีโอ
มิวสิควิดีโอคาราโอเกะ
คอมพิวเตอร์หรือซีเควนเซอร์
แผ่นเสียง
อื่น ๆ ระบุ…………………………..
(ให้กาเครื่องหมายในช่อง ตามเจตนาของคู่สัญญา)
2.2 ผู้อนุญาตจะไม่อนุญาตให้บุคคลอื่นใช้ลิขสิทธิ์ในคำร้องที่อนุญาต ตามสัญญานี้ เพื่อผลผลิตสื่อประเภทเดียวกับที่ระบุในข้อ 2.1 จนกว่าระยะเวลาตามสัญญานี้จะสิ้นสุดลง เว้นแต่จะได้ตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่นเป็นลายลักษณ์อักษร
2.3 เมื่อผู้รับอนุญาตนำคำร้องทำสื่อต้นแบบ (มาสเตอร์) ให้ผู้รับอนุญาตมีลิขสิทธิ์ ในสื่อต้นแบบ (มาสเตอร์) ดังกล่าว แต่ผู้รับอนุญาตจะนำสื่อต้นแบบ ไปผลิตสื่อประเภทอื่นนอกเหนือจากสิทธิที่ได้รับอนุญาตตามสัญญานี้ไม่ได้ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้อนุญาต
2.4 ผู้รับอนุญาตมีสิทธิที่จะผลิตสื่อที่ได้รับอนุญาตตามข้อ 2.1 ภายในอายุแห่งสัญญา และมีสิทธิที่จะจำหน่ายสื่อดังกล่าวต่อไปได้แม้ว่าอายุสัญญาได้สิ้นสุดลง แต่ผู้อนุญาตไม่มีสิทธิที่จะผลิตสื่อใด ๆ อีก ภายหลังวันที่อายุแห่งสัญญาสิ้นสุดลง
3. ระยะเวลาการอนุญาต
3.1 ผู้อนุญาตอนุญาตให้ผู้รับอนุญาตใช้ลิขสิทธิ์คำร้องตามที่ระบุในสัญญานี้ มีกำหนดเวลา 3 ปี (สามปี) นับแต่วันที่คู่สัญญาลงนามในสัญญาฉบับนี้ (โดยเริ่มต้นวันที่………….. เดือน …………………………..พ.ศ…………..) และสิ้นสุดในวันที่…………..เดือน…………………..พ.ศ….……….
3.2 ในกรณีที่สัญญาสิ้นสุดลง หากคู่สัญญาฝ่ายใดมีความประสงค์ที่จะให้สัญญานี้มีผลบังคับแก่คู่สัญญาต่อไปอีก ให้คู่สัญญาฝ่ายนั้นติดต่อคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งเพื่อตกลงกัน
4. ค่าตอบแทน
4.1 ผู้รับอนุญาตตกลงจะจ่ายค่าตอบแทนให้แก่ผู้อนุญาต ในอัตราคำร้องละ 5,000 บาท (ห้าพันบาท) เพื่อใช้ผลผลิตสื่อ 1 ประเภท (สื่อหลัก) ต่อระยะเวลาการใช้ 1 ปี ซึ่งเมื่อคำนวณค่าตอบแทนตามจำนวนคำร้อง อัตราค่าตอบแทน และระยะเวลาตามที่กำหนดในสัญญานี้ รวมเป็นเงินที่ผู้รับอนุญาตจะต้องจ่ายเป็นเงิน………………..บาท (……………………………)
4.1.1 ผู้รับอนุญาตตกลงจ่ายเงินค่าตอบแทนจำนวนตามข้อ 4.1 เป็น 3 งวด ดังนี้
งวดที่ 1 ผู้รับอนุญาตตกลงจ่ายเงินจำนวน……….บาท (……………………………..) ภายใน 10 วัน นับแต่วันทำสัญญาฉบับนี้ ณ ……………………………………………
งวดที่ 2 ผู้รับอนุญาตจะจ่ายเงินค่าตอบแทน จำนวน………………..บาท(…………………………….) ให้แก่ผู้อนุญาต ณ …………………………….ภายใน 1 เดือน นับแต่วันครบกำหนด 1 ปี นับแต่วันทำสัญญานี้ กล่าวคือ ผู้รับอนุญาตจะต้องจ่ายเงินภายใน 1 เดือน นับแต่ วันที่…….เดือน…………………พ.ศ…………..
งวดที่ 3 ผู้รับอนุญาตจะจ่ายเงินค่าตอบแทน จำนวน………………บาท (……………………………) ให้แก่ผู้อนุญาต ณ ………………………….ภายใน 1 เดือน นับแต่วันครบกำหนด 2 ปี นับแต่วันทำสัญญานี้ กล่าวคือ ผู้รับอนุญาตจะต้องจ่ายเงินภายใน 1 เดือน นับแต่ วันที่…….เดือน…………………พ.ศ………….
4.2 นอกจากการจ่ายค่าตอบแทนให้แก่ผู้อนุญาตตามข้อ 4.1 ข้างต้นแล้ว ผู้รับอนุญาตตกลงจ่ายค่าตอบแทนจากการจำหน่ายสื่อที่ตนผลิตดังนี้
ผู้รับอนุญาตผลิตเทปคาสเซ็ทเป็นสื่อหลัก ผู้รับอนุญาตตกลงจ่ายค่าตอบแทนจากการจำหน่ายเทปดังกล่าว สำหรับจำนวนที่จำหน่ายเกิน 30,000 ตลับ (สามหมื่นตลับ) ในอัตราตลับละ 10 สตางค์ (สิบสตางค์)
ผู้รับอนุญาตผลิตคอมแพ็คดิสก์เป็นสื่อหลัก ผู้รับอนุญาตตกลงจ่ายค่าตอบแทนจากการจำหน่ายคอมแพ็คดิสก์ดังกล่าว สำหรับจำนวนที่จำหน่ายเกิน 5,000 แผ่น (ห้าพันแผ่น) ในอัตราแผ่นละ 10 สตางค์ (สิบสตางค์)
หากผู้รับอนุญาตผลิตสื่อใด ๆ เป็นสื่อรอง ผู้รับอนุญาตตกลงจ่ายค่าตอบแทนจากการจำหน่ายสื่อดังกล่าว ในอัตราตลับ/แผ่น/ม้วน ละ 10 สตางค์ (สิบสตางค์) โดยคำนวณตั้งแต่เริ่มจำหน่ายสื่อตลับ/แผ่น/ม้วน แรก
4.3 การจ่ายค่าตอบแทนตามข้อ 4.2 ข้างต้น ผู้รับอนุญาตจะจ่ายเงินดังกล่าวให้แก่
ผู้อนุญาตภายใน 10 วัน หลังจากครบกำหนด 3 เดือน นับแต่วันที่สื่อซึ่งผู้รับอนุญาตผลิตได้ออกวางจำหน่ายครั้งแรก และผู้รับอนุญาตจะจ่ายเงินค่าตอบแทนดังกล่าวให้แก่ผู้อนุญาตครั้งต่อไปทุกๆ 3 เดือน นับแต่วันที่ได้จ่ายค่าตอบแทนจากการวางจำหน่ายสื่อครั้งแรก ผู้รับอนุญาตจะติดต่อผู้อนุญาตเพื่อมารับเงินค่าตอบแทนตามข้อ 4.2 ภายในกำหนดเวลาดังกล่าว
4.4 ผู้อนุญาตมีหน้าที่ในการเสียภาษีเงินได้ โดยผู้รับอนุญาตจะหักภาษี ณ ที่จ่ายตามอัตราที่กำหนด ในประมวลรัษฎากรจากเงินค่าตอบแทนที่จะจ่ายในแต่ละงวด และผู้รับอนุญาตจะออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายดังกล่าวให้แก่ผู้อนุญาตทุกครั้ง
4.5 หากผู้อนุญาตเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์คำร้องตามที่ระบุในสัญญานี้ ร่วมกับบุคคลอื่นผู้อนุญาต จะเป็นผู้แบ่งจ่ายค่าตอบแทนที่ได้รับจากผู้รับอนุญาตให้แก่เจ้าของลิขสิทธิ์ร่วมทุกคน
5. การโอนสิทธิ
การอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์ตามสัญญานี้ ผู้รับอนุญาตจะอนุญาตช่วงให้บุคคลอื่นหรือโอนสิทธิตามสัญญานี้ให้บุคคลอื่นไม่ได้ เว้นแต่จะได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากผู้อนุญาต
6. การแก้ไขดัดแปลง
ผู้รับอนุญาตรับรองว่าจะไม่แก้ไข ดัดแปลง หรือเพิ่มเติมคำร้องของผู้อนุญาตตามสัญญานี้แต่อย่างใดทั้งสิ้น เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้อนุญาต
7. การพิมพ์ชื่อผู้อนุญาตไว้กับวัสดุสิ่งพิมพ์
ผู้รับอนุญาตจะระบุชื่อผู้อนุญาตให้ปรากฎในวัสดุสิ่งพิมพ์หรือสิ่งใดที่ผู้รับอนุญาต ได้จัดทำออกเผยแพร่หรือจำหน่าย เพื่อประโยชน์ของผู้รับอนุญาต
8. การต่อสู้คดี
8.1 ในกรณีที่มีบุคคลอื่นฟ้องร้อง เกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์คำร้องภายใต้สัญญานี้ ผู้อนุญาตจะเข้าร่วมกับผู้รับอนุญาตในการต่อสู้คดี และผู้อนุญาตจะให้ความช่วยเหลือในการให้ข้อมูลหรือเอกสารอันเป็นประโยชน์ หรือเป็นพยาน ในการต่อสู้คดีดังกล่าว
ค่าใช้จ่าย และค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากผลของคดีละเมิดลิขสิทธิ์คำร้องภายใต้สัญญานี้ ผู้รับอนุญาตและผู้อนุญาตตกลงจะรับผิดชอบฝ่ายละครึ่งหนึ่ง
8.2 ในกรณีที่มีบุคคลอื่นละเมิดลิขสิทธิ์คำร้องภายใต้สัญญานี้ ผู้อนุญาตตกลงมอบอำนาจในการร้องทุกข์ ฟ้องร้อง และดำเนินคดี ให้แก่ผู้รับอนุญาตเพื่อดำเนินการแทนภายในอายุแห่งสัญญานี้
9. การบอกเลิกสัญญา
หากคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจงใจไม่ปฏิบัติตามสัญญา หรือเงื่อนไขแห่งสัญญาในส่วนอันเป็นสาระสำคัญ ให้คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งแจ้งให้คู่สัญญาฝ่ายที่จงใจไม่ปฏิบัติตามสัญญา หรือเงื่อนไขแห่งสัญญาดังกล่าวทราบ พร้อมทั้งแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรให้แก้ไขให้เป็นไปตามสัญญาภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้ง เมื่อครบกำหนดเวลา 15 วันแล้ว หากคู่สัญญาฝ่ายที่ได้รับแจ้งไม่ดำเนินการแก้ไขให้เป็นไปตามสัญญา คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งมีสิทธิบอกเลิกสัญญา หรือฟ้องร้องบังคับให้เป็นไปตามสัญญาได้
10. การระงับข้อพิพาท
ในกรณีที่มีข้อพิพาท ข้อขัดแย้ง หรือข้อเรียกร้องใด ๆ เกิดขึ้นจากสัญญานี้ หรือเกี่ยวเนื่องกับสัญญานี้ รวมทั้งปัญหาการผิดสัญญา การเลิกสัญญา หรือความสมบูรณ์แห่งสัญญานี้ให้คู่สัญญาทั้งสองฝ่าย ดำเนินการเจรจาตกลงกันเพื่อระงับข้อพิพาทภายใน 30 วัน นับแต่วันที่คู่สัญญาฝ่ายที่กล่าวอ้างว่ามีข้อพิพาทเกิดขึ้น ได้แจ้งให้คู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งรับทราบเป็นลายลักษณ์อักษร หากคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายไม่อาจตกลงกันได้ภายในกำหนดเวลา ดังกล่าว ให้เสนอข้อพิพาทที่เกิดขึ้นต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ เพื่อดำเนินการไกล่เกลี่ย หากมิอาจดำเนินการไกล่เกลี่ยตกลงกันได้ภายใน 60 วัน ให้มอบข้อพิพาทดังกล่าวแก่อนุญาโตตุลาการเป็นผู้ชี้ขาด ตามข้อบังคับอนุญาโตตุลาการของสถาบันอนุญาโตตุลาการ กระทรวงยุติธรรม ซึ่งใช้บังคับอยู่ ในขณะที่มีการเสนอข้อพิพาทเพื่อการอนุญาโตตุลาการ และให้อยู่ภายใต้การจัดการของสถาบันดังกล่าว หรือนำคดีไปสู่ศาลเพื่อวินิจฉัยชี้ขาด
11. สัญญาเป็นโมฆะบางส่วน
ในกรณีที่ปรากฎในภายหลังว่า ข้อสัญญาส่วนใดส่วนหนึ่งของสัญญานี้เป็นโมฆะ ให้ถือว่าข้อสัญญาส่วนที่เป็นโมฆะไม่มีผลบังคับในสัญญานี้ และข้อสัญญาดังกล่าวไม่กระทบกระเทือนถึงความสมบูรณ์ของสัญญาในส่วนอื่น ๆ
สัญญานี้ทำขึ้นเป็นสองฉบับมีข้อความถูกต้องตรงกัน คู่สัญญาได้อ่านและเข้าใจข้อความในสัญญาโดยตลอดดีแล้ว จึงลงลายมือชื่อพร้อมทั้งประทับตรา (ถ้ามี) ไว้เป็นสำคัญต่อหน้าพยาน และเก็บไว้ฝ่ายละหนึ่งฉบับ
ลงชื่อ…………………………………..ผู้อนุญาต
(………………………………….)
ลงชื่อ…………………………………..ผู้รับอนุญาต
(………………………………….)
ลงชื่อ…………………………………..พยาน
(…………………………………)
ลงชื่อ…………………………………..พยาน
(…………………………………)