บทสรุป
เครื่องหมายการค้าเป็นทรัพย์สินที่มีค่ายิ่งเช่นเดียวกับทรัพย์สินอย่างอื่น จึงควรที่ผู้ประกอบธุรกิจการค้าจะต้องดูแลปกป้อง โดยอาจดำเนินการได้ดังนี้
คิดประดิษฐ์หรือสร้างเครื่องหมายการค้าขึ้นใช้เอง โดยละเว้นการปลอม เลียนแบบเครื่องหมายการค้าของผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องหมายของคนไทยด้วยกันเอง หรือเครื่องหมายของต่างประเทศ | |
ให้ความสำคัญต่อเครื่องหมายการค้าที่มีอยู่ โดยนำไปยื่นขอจดทะเบียนเพื่อรับความคุ้มครองตามกฎหมาย | |
ดูแลรักษาให้เครื่องหมายการค้าที่ได้รับจดทะเบียนไว้แล้ว ได้รับสิทธิคุ้มครองตลอดไปด้วยการนำไปยื่นขอต่ออายุ 10 ปี โดยต้องไปยื่นคำขอต่ออายุภายใน 90 วัน ก่อนวันสิ้นอายุของเครื่องหมายนั้น ๆ | |
ให้ความสนใจตรวจสอบประกาศโฆษณาเครื่องหมายการค้า และเมื่อเห็นว่าเครื่องหมายใดมีลักษณะเหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายของตน ก็ต้องรีบยื่นคำคัดค้านการจดทะเบียนภายในระยะเวลา 90 วัน นับแต่วันลงประกาศ | |
ให้ถือเป็นเรื่องสำคัญจำเป็นที่จะต้องนำเครื่องหมายการค้าไปยื่นขอจดทะเบียนไว้ในประเทศต่าง ๆ ที่จะส่งสินค้าไปจำหน่าย เพื่อป้องกันมิให้ผู้อื่นฉกฉวยโอกาสนำเครื่องหมายของตนไปจดทะเบียน | |
ในกรณีที่มีการร่วมลงทุนระหว่างบุคคลหลายคน ควรจะทำความตกลงกันให้ชัดเจนว่าใครจะเป็นผู้มีสิทธิในเครื่องหมายการค้า และหากเป็นการลงทุนทำธุรกิจในรูปของนิติบุคคลก็ควรจะนำเครื่องหมายการค้ามาขอจดทะเบียนเป็นของนิติบุคคลนั้น เพื่อป้องกันการโต้แย้งสิทธิกันในภายหลัง | |
ในกรณีที่จะรับโอนกิจการจากผู้อื่นมาดำเนินการ ควรทำความตกลงกันให้แน่ชัดว่าเป็นการโอนเฉพาะกิจการ หรือโอนเครื่องหมายการค้ามาด้วย และควรตรวจสอบสัญญาโอนให้ถูกต้องตรงตามที่ได้ตกลงกันไว้ |
กรณีมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลด้านเครื่องหมายการค้าเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์