หมวด 4 คณะกรรมการกำกับดูแลการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์และสิทธินักแสดง

หมวด 4 คณะกรรมการกำกับดูแลการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์และสิทธินักแสดง

มาตรา 23 ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง เรียกว่า “คณะกรรมการกำกับดูแลการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ และสิทธินักแสดง” ประกอบด้วยปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธานกรรมการ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งอีกไม่เกินสิบสองคน ในจำนวนนี้จะต้องแต่งตั้งจากผู้แทนขององค์กรจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ หรือสิทธินักแสดง และผู้แทนขององค์กรผู้ใช้งานลิขสิทธิ์หรือ สิทธินักแสดงเป็นจำนวนไม่น้อยกว่าหกคน เป็นกรรมการ

คณะกรรมการจะแต่งตั้งบุคคลใดเป็นเลขานุการ และผู้ช่วยเลขานุการก็ได้

มาตรา 24 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ มีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละสองปี กรรมการซึ่งพ้นจากตำแหน่ง อาจได้รับแต่งตั้งได้อีก

ในกรณีที่กรรมการพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ หรือในกรณีที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งกรรมการเพิ่มขึ้น ในระหว่างที่กรรมการ ซึ่งแต่งตั้งไว้แล้วมีวาระอยู่ในตำแหน่ง ให้ผู้ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทน หรือเป็นกรรมการเพิ่มขึ้นอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการ ซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว

มาตรา 25 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระเมื่อ

(1) ตาย

(2) ลาออก

(3) คณะรัฐมนตรีให้ออก

(4) เป็นบุคคลล้มละลาย

(5) เป็นคนไร้ความสามารถ หรือเสมือนไร้ความสามารถ

(6) ได้รับคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่โทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ

มาตรา 26 การประชุมของคณะกรรมการ ต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดจึงเป็นองค์ประชุม ถ้าประธานกรรมการไม่มาหรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้กรรมการที่มาประชุม เลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก

กรรมการคนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นได้อีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด

มาตรา 27 คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ดังนี้

(1) ให้คำแนะนำหรือคำปรึกษาแก่รัฐมนตรีในการออกกฎกระทรวงตามพระราช บัญญัตินี้

(2) วินิจฉัยอุทธรณ์คำสั่งหรือคำวินิจฉัยของอธิบดีตามมาตรา 12 และ มาตรา 21

(3) กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการขอต่ออายุหนังสืออนุญาต ตามมาตรา 15

(4) กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับประเภทงานอันมีลิขสิทธิ์ อัตราค่าตอบแทน อัตราส่วนแบ่งค่าสิทธิ ตามมาตรา 18

(5) ออกคำสั่งระงับหรือหยุดดำเนินการชั่วคราว ตามมาตรา 30 หรือออกคำสั่งเลิกองค์กร ตามมาตรา 32

(6) พิจารณาเรื่องอื่น ๆ ตามที่รัฐมนตรีมอบหมาย

ให้คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ เพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใดตาม ที่คณะกรรมการมอบหมายก็ได้ และให้นำมาตรา 26 มาใช้บังคับแก่การประชุมของคณะอนุกรรมการโดยอนุโลม

ในการปฏิบัติหน้าที่ให้คณะกรรมการหรืออนุกรรมการมีอำนาจออกคำสั่งเป็นหนังสือเรียกบุคคลใดมาให้ถ้อยคำ หรือส่งเอกสารหรือหลักฐานใด ๆ มาเพื่อประกอบการพิจารณาได้ตามความจำเป็น

เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ คณะกรรมการมีอำนาจเข้าไปตรวจสอบสถานที่ทำการในเวลาทำการของสถานที่นั้น และยึดหรืออายัดเอกสารที่เป็นประโยชน์หรือสิ่งของ

ในการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ ให้ผู้ซึ่งเกี่ยวข้องอำนวยความสะดวกตามสมควร

ในการปฏิบัติหน้าที่คณะกรรมการต้องแสดงบัตรประจำตัวต่อผู้ที่เกี่ยวข้อง

บัตรประจำตัวให้เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีกำหนด

Scroll to Top